หลายท่านจะเคยสงสัยกันว่า “ไฟหรี่หน้ารถ” มีไว้เพื่ออะไร ถ้าจะใช้ส่องสว่างก็ไม่เพียงพอ หรือมีไว้เปิดในช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำมืดได้จริงหรอ เราจะพาไปดูหน้าที่ของไฟหรี่กันค่ะ
ไฟหรี่ มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า “Parking Lights” ตามการเรียกของสหรัฐอเมริกาและแคนาดา หรือ “Front Sidelights” ตามการเรียกของสหราชอาณาจักร โดยไฟหรี่ถูกออกแบบให้ใช้พลังงานไฟน้อยกว่าปกติ เพื่อให้สามารถส่องสว่างได้ยาวนานในขณะจอดบนทางเดินรถแทนการเปิดไฟหลักทิ้งไว้ ทำให้ผู้อื่นสามารถมองเห็นรถได้ง่ายขึ้น ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในยามค่ำคืนได้นั่นเอง
ส่วนกฎหมายของเยอรมนีจะมีความเฉพาะเจาะจงมากกว่านั้น โดยระบุว่าผู้ขับขี่จะต้องเปิดสัญญาณไฟหรี่ด้านหน้าสีขาวและด้านหลังสีแดง ที่ฝั่งซ้ายหรือขวาด้านใดด้านหนึ่งในขณะจอดบนทางแคบ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณให้รถคันอื่นทราบว่ารถถูกจอดชิดริมด้านซ้ายหรือด้านขวา จึงจะเห็นได้ว่ารถยนต์สัญชาติเยอรมนีแทบทุกยี่ห้อ (เช่น Mercedes-Benz, BMW, Audi, Volkswagen, Porsche และอื่นๆ) จะสามารถเปิดไฟหรี่เพียงด้านใดด้านหนึ่งในขณะดับเครื่องยนต์ได้
จะเห็นได้ว่าประโยชน์ดั้งเดิมของไฟหรี่ มีไว้สำหรับการจอดรถบนทางเดินรถเท่านั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อเปิดใช้งานในช่วงเวลาพลบค่ำแต่อย่างใด อย่างไรก็ดี กฎหมายของบางประเทศในแถบยุโรปเคยกำหนดไว้ว่าผู้ขับขี่จะต้องใช้ไฟหรี่แทนการใช้ไฟหน้าปกติในพื้นที่ที่มีตึกรามบ้านช่องเป็นจำนวนมาก เช่น กรุงมอสโกว, กรุงปารีส และกรุงลอนดอน แต่ปัจจุบันกฎหมายดังกล่าวถูกยกเลิกไปแทบจะหมดสิ้นแล้ว
นอกจากนี้ ไฟหรี่ยังมีประโยชน์เพื่อใช้เป็นไฟสำรองในกรณีไฟหลักขาด ซึ่งจะช่วยให้รถคันอื่นสามารถแยกความแตกต่างระหว่างรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ได้ เพราะถ้าหากมีไฟส่องสว่างเพียงข้างเดียวโดยไม่มีไฟหรี่แล้วล่ะก็ รถคันอื่นอาจเข้าใจผิดคิดว่าเป็นมอเตอร์ไซค์ และตัดสินใจผิดพลาดจนกลายเป็นอุบัติเหตุได้นั่นเองค่ะ
รู้แบบนี้แล้วจะลองเปลี่ยนจากการเปิดไฟหรี่ในช่วงโพล้เพล้ มาเป็นการเปิดไฟหน้าแบบปกติ จะช่วยให้ผู้ขับขี่รอบข้างสามารถสังเกตเห็นรถของคุณได้ง่ายขึ้นจะดีกว่าค่ะ